วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การจัดห้องรับแขก

ห้องรับแขก(Living room)



ตำแหน่ง(LOCATION): ควรอยู่ติดโถงทางเข้าด้านหน้า มีทางติดต่อกับห้องรับประทานอาหาร และเฉลียง ควรอยู่ในทิศทางที่ลมผ่าน ถ้าเป็นบ้านขนาดใหญ่จะแยกห้องรับแขกออกจากห้องนั่งเล่น ซึ่งจะใช้ห้องรับแขกเพียงรับแขกเท่านั้น ส่วนห้องนั่งเล่นจะมีกิจกรรมอื่นๆรวมอยู่ด้วยเช่น ดูโทรทัศน์ ฟังเพลง อ่านหนังสือและพูดคุยสังสรรค์กับคนในครอบครัว

ขนาด(SIZE): ห้องรับแขกควรมีพื้นที่อย่างน้อย 4ตร.เมตร ขึ้นกับจำนวนสมาชิกและความต้องการของกลุ่มพฤติกรรมสมาชิกในครอบครัว เช่น ส่วนรับแขก ส่วนนั่งเล่นเด็ก ส่วนพักผ่อนผู้ใหญ่

เครื่องเรือน(FURNITURE):
1.เก้าอี้ยาว(SOFA) ถ้าเป็น 3 ที่นั่งจะเหมาะกับห้องขนาดกลางขึ้นไป
2.เก้าอี้เดี่ยว(ARMCHAIR) ประมาณ3-5ตัว
3.โต๊ะกลาง(COFFEE TABLE) เป็นจุดสร้างความสนใจของห้อง
4.โต๊ะข้าง(SIDE TABLE) ใช้วางแจกันดอกไม้ ที่เขี่ยบุหรี่หรือโคมไฟอ่านหนังสือ
5.ชั้นหรือตู้โชว์(CABINET) เป็นที่เก็บของ วางทีวี เครื่องเสียง หนังสือ หรือของเก่าที่มีค่า

การจัดแต่ง(DÉCOR):

1.จัดชุดรับแขกแบบเข้ามุม ช่วยประหยัดพื้นที่ เหมาะกับห้องขนาดกลางถึงค่อนข้างเล็ก


2.จัดชุดรับแขกแบบวงรอบมีโต๊ะรับแขกตรงกลาง เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่มากพอ และรับแขกไม่เป็นทางการ


3.จัดชุดรับแขกเป็นสี่เหลี่ยม เหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่และการรับรองแขกเป็นทางการ


4.จัดชุดรับแขกแบบขนาน มีโต๊ะรับแขกและเก้าอี้ยาวตรงกลาง ขนาบด้วยเก้าอี้เดี่ยวทั้งสองข้าง เหมาะกับห้องขนาดเล็ก

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ฮวงจุ้ยห้องนอน เพื่อการนอนหลับฝันดี

บทความนี้ผมจะแนะนำเรื่องความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย กับ การจัดห้องนอนให้เรานอนหลับปุ๋ยเลยครับ



ห้องนอนเป็นบริเวณที่เราใช้เวลาอยู่มากที่สุดในบ้าน ห้องนอนใหญ่ควรอยู่ห่างไกลประตูทางเข้าหลัก โดยเฉพาะถ้าสามารถจัดวางให้อยู่คนละมุมกับทางเข้าหลักจะดีมาก จะทำให้ห้องนอนใหญ่อยู่ห่างไกลจากสิ่งรบกวน

ตำแหน่งของเตียง เตียงนอนควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ผู้พักผ่อนสามารถมองเห็นผู้ที่เข้ามาในห้องได้อย่างสะดวก ตามหลักแล้วตำแหน่งของเตียง ควรอยู่บริเวณมุมตรงข้ามกับประตูทางเข้าห้องนอน ปลายเตียงไม่ควรชี้ตรงไปยังประตู ซึ่งจะเป็นลักษณะของการจัดวางหลุมศพของชาวจีนในโกดังเก็บศพ เปรียบเสมือนตำแหน่งของความตาย

เตียงนอนไม่ควรวางอยู่ใต้คานเปลือย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้พักผ่อนเกิดอาการเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะ อวัยวะที่อยู่ใต้คานนั้น ตัวอย่างเช่น คานเปลือยที่วิ่งผ่านเตียงตรงหน้าอกของผู้พักผ่อนนั้น ผู้พักผ่อนมักจะมีอาการแน่นหน้าอกในขณะนอนหลับ เป็นต้น หัวเตียงควรจะติดผนัง แต่ไม่ควรวางเตียงติดผนังเกินสองด้าน ในกรณีที่ตั้งเตียงลอยๆ โดยไม่สัมผัสกับผนังใดๆ เลย จะส่งผลให้ผู้พักผ่อนรู้สึกไม่มั่นคง และต้องคอยระวังไม่ควรหันปลายเตียงให้ตรงกระจกเงา กระจกเงาที่ปลายเตียงจะสะท้อนพลังเข้าสู่ผู้พักผ่อน ส่งผลให้การพักผ่อนถูกรบกวนได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากกระจกเงาในห้องนอนมีมากมาย เราสามารถวางตำแหน่งกระจกเงาให้สามารถมองเห็นผู้ที่เข้ามาในห้องจากบนเตียงได้

ตำแหน่งของเตียงนอนควรเอื้อให้ผู้พักผ่อนสามารถเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ แต่ต้องระวังการเปิดรับพลังชี่ (Shar หรือ ชี่ที่เลวร้าย) เข้ามาทางหน้าต่างด้วย การใช้ผ้าม่านช่วยในการปรับแสงและป้องกันมุมมองที่ไม่ดีจากภายนอกนับเป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก

เตียงนอนไม่ควรวางข้างตู้ขนาดใหญ่ เนื่องจากจะส่งผลรบกวนต่อผู้พักผ่อนเหมือนมีคนเฝ้ามองเราอยู่ อย่างไรก็ตาม เตียงนอนควรจะอยู่ในตำแหน่งของสุขภาพหรืออายุยืนยาวซึ่งเชื่อกันว่าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด

ใครที่อยากหลับฝันดีลองนำหลักการเหล่านี้ไปจัดห้องนอนของตัวเองก็ดี อย่างน้อยก็จะได้ปรับเปลี่ยนห้องนอนในสไตล์ใหม่ที่ไม่จำเจบ้าง

ข้อพึงรู้สำหรับห้องนอน
1. วางตำแหน่งของเตียงอย่างระมัดระวัง เพื่อว่าคุณจะได้ไม่นอนในแนวเดียวกับประตู คุณควรจะนอนอยู่ไกลทะแยงออกไปทางด้านขวาเมื่อเปิดประตูเข้ามา เตียงควรจะมองมายังประตูห้องนอนได้อย่างชัดเจน และควรจะอยู่ชิดผนังมากกว่าที่จะเป็นที่โล่งหรือหน้าต่าง
2. หลีกเลี่ยงตำแหน่งเตียงที่อยู่ใต้คาน หรือตู้ติดผนังที่ยื่นออกมาจากกำแพง
3. ควรจะมีหัวเตียงสำหรับเตียง อาจจะเป็นหัวเตียงที่ทำจากไม้กลึงมนหรือบุผ้าก็ได้
4. ถ้าเตียงของคุณหันหลังให้ประตูเข้า วางกระจกเงาไว้ที่ผนังฝั่งตรงข้าม เพื่อที่ว่าจะได้เห็นถึงผู้ที่กำลังเข้ามาในห้อง
5. ควรจะมีกระจกเพียงบานเดียวในห้องนอน กระจกรูปทรงกลมจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวเข้าหากันของพลัง
6. หลีกเลี่ยงเตียงที่มีโครงสร้างเป็นเหล็ก เหล็กจะสะท้อนคลื่นแม่เหล็กที่ส่งมาจากเครื่องไฟฟ้าต่างๆ
7. เลือกใช้ผ้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติสำหรับอุปกรณ์ในห้องนอนทุกชิ้นของคุณ
8. อย่าวางสิ่งใดๆที่เกี่ยวกับงานไว้ในห้องนอน หนังสือหัวเตียงควรจำกัดไว้เพียงหนึ่งถึงสองเล่ม
9. หลีกเลี่ยงการใช้ไฟจำพวกสปอตไลท์ (Spot Light) หรือไฟตรงตำแหน่งเหนือศรีษะ ตรงบริเวณหัวเตียง การให้แสงสว่างควรเป็นแสงที่นุ่มนวลกระจายมาจากดวงไฟต่างๆทั่วห้อง

เคล็ดลับการจัดห้องนอนเพื่อสุขสมหวังในความรัก
*ควรเลือกเตียงที่ทำจากไม้ เพราะเตียงนอนที่ทำจากโลหะนั้นเป็นสื่อนำไฟฟ้า ซึ่งมีผลกับสุขภาพของคุณ และพยายามนำเครื่องไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ ออกห่างจากเตียงของคุณ
*เช็กสภาพแสงภายในห้อง ซึ่งไม่ควรจะแรงเกินไป (หยาง) หรือสลัวเกินไป (หยิน) และอย่าลืมเรื่องเสียงรบกวนด้วย..เพราะจะทำให้คุณและคู่รักรู้สึกหงุดหงิดได้
*ถ้าห้องนอนของคุณมีหน้าต่างกระจกใส ที่สามารถชมวิวสวยๆนอกบ้านได้ ไม่ควรจะเลื่อนเตียงเข้าไปติดกับหน้าต่างกระจก หรือวางใกล้กันมากเกินไป แม้ว่าคุณอยากจะนอนชมวิวภายนอกใจจะขาด พลังที่ผ่านเข้ามาจากภายนอก แม้จะไม่ทำให้คุณกับเค้ามีเรื่องราวถึงกับต้องเลิกกัน แต่ก็จะส่งผลให้นอนไม่หลับหรือฝันร้ายอยู่เรื่อยๆ
*ใต้เตียงนอน ไม่ควรเอาของที่ไม่ใช้แล้วไปเก็บไว้ โดยเฉพาะของที่แตกหักยับเยินห้ามเด็ดขาด ! แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ คุณไม่มีที่ไว้ของแล้ว ก็ให้เลือกเก็บแต่ของใหม่ๆ ที่สำคัญต้องจัดให้เป็นระเบียบ ถ้าใต้เตียงรกมากๆ หรือเก็บของหักๆไว้ จะทำให้คุณหรือหวานใจมีสุขภาพไม่แข็งแรง แถมยังมีเรื่องวีนใส่กันได้บ่อยๆอีกด้วย
* หน้าต่างห้องนอน ควรใช้ม่านบังตามากกว่ามู่ลี่กันแดดที่ดูแข็ง ไม่มีความพลิ้วไหวเหมือนกับผ้า เพราะห้องนี้ต้องการบรรยากาศที่นุ่มนวล ไม่ใช่ความเป็นงานเป็นการมากนัก เชื่อกันว่าถ้าใช้ม่านบังตาติด จะช่วยเสริมโชคเรื่องความรัก
* หาแจกันดอกไม้ มาวางไว้ในห้องนอนสักหนึ่งอัน หรือจะเป็นกระถางต้นไม้ก็ได้ กระถางควรเป็นสีขาว ส่วนต้นไม้ให้เป็นสีแดงหรือสีชมพู จะช่วยเพิ่มพลังรักให้แข็งแรงมากขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการนำต้นไม้ใหญ่ไว้ในห้องนอน
* ครีเอทหัวเตียงและผนังด้านหัวเตียงให้สวยงาม และถ้าเตียงของคุณตั้งตรงกับประตูทางเข้าห้องนอน แขวนคริสตัลไว้ระหว่างเตียงและพื้นที่ส่วนนั้น
* อย่าหันหัวเตียงไปทางห้องน้ำเป็นอันขาด ดวงความรักที่กำลังรุ่งโรจน์ก็อาจจะจะพุ่งลงเหวได้ง่าย เพราะจะต้องมีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันไม่หยุดหย่อน
* ไม่ควรหันปลายเท้าให้กับประตูห้องนอน เพราะเป็นสัญลักษณ์การนอนของคนตาย ไม่เป็นมงคลอย่างยิ่ง หากปลายเตียงหันไปทางประตูห้องนอนพอดีล่ะก็..จะมีเรื่องให้เดือดร้อนใจในครอบครัว สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง อาจมีคนเจ็บป่วยอยู่เรื่อยๆ ความอบอุ่นในบ้านแสนสุขของคุณก็จะลดน้อยลงไป
* พื้นของห้องนอน ควรเป็นพื้นเรียบ มีลวดลายสบายตา หากเป็นพื้นสีเรียบๆได้จะดีที่สุด อย่าเลือกพรมปูห้องนอนที่ลวดลายฉวัดเฉวียนน่าเวียนหัว เพราะจะส่งผลให้ความรักของคุณวุ่นวายได้
* อย่าใช้ผ้าห่มสีขาว เพราะหากนำมาคลุมร่าง จะเหมือนกับสัญลักษณ์ของคนตาย ผ้าปูที่นอนสีขาวแม้จะดูสะอาดสะอ้าน..แต่ก็ไม่เหมาะกับห้องนอนนัก สีขาวโพลนจะส่งผลให้พลังความรักกระจัดกระจาย เลือกผ้าปูที่นอนที่มีโทนสีอื่นดีกว่า
* หากคุณกับหวานใจวีนแตกใส่กันอยู่บ่อยๆ อาจเป็นไปได้ว่าปลายเตียงคุณหันไปทางประตู พลังงานทางลบจะเข้ามาทางนั้น แก้ไขง่ายๆ..ด้วยการแขวนกระจกบานเล็กๆไว้ที่ปลายเตียง เพื่อสะท้อนพลังอันเลวร้ายออกไป
* หาผ้าที่ทอด้วยด้ายสีทอง หรือผ้าที่เป็นสีทองวางไว้บนเตียง เนื้อผ้าที่ส่องประกายแวววาว จะช่วยให้คุณสร้างบทรักบนเตียงที่ประณีตละเมียดละไมขึ้น
* ถ้าช่วงไหนคุณอารมณ์ร้อน อาจจะจากเรื่องงาน เรื่องเพื่อน จนพาลโมโหคนรักบ่อยๆ ให้หาชามสวยๆ ใส่ก้อนหินหรือคริสตัลวางไว้ใต้เตียงนอน จะช่วยทำให้อารมณ์เย็นขึ้น
* อยากให้ความรักของคุณมั่นคง ให้หา หินควอตส์ สีขาวใส ก้อนใหญ่พอประมาณ มาวางไว้ใต้เตียง
* อย่าติดไฟที่ทำให้เกิดแสงส่องเป็นลำ มาที่เตียงของคุณอย่างเด็ดขาด เพราะความรักของคุณจะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิง น่าปวดหัว ให้ย้ายเตียงพ้นลำแสงนั้น ถ้าทำไม่ได้ให้แขวนสร้อยลูกปัดที่ปลายเตียง เพื่อซึมซับพลังงานที่ขัดแย้ง
* หากคุณกำลังกังวลว่าเขากำลังจะมีกิ๊กหน้าใส ให้เปลี่ยนม่านหน้าประตูห้องนอน เป็นม่านที่ร้อยด้วยลูกปัด เชื่อกันว่าลูกปัดจะช่วยเก็บพลังงานรักให้อยู่เป็นที่เป็นทางไม่วอกแวกไปที่อื่น
* หากเตียงนอนของคุณ อยู่กึ่งกลางระหว่างประตูสองด้าน เช่น ประตูเข้าห้องและประตูห้องน้ำ ให้ย้ายตำแหน่งของเตียง หรือไม่ก็หาฉากสวยๆ มากั้น เพื่อให้พลังงานความรักนั้นรวมกันเป็นหนึ่ง

...คราวนี้เราก็นอนหลับฝันดีแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับทุกท่าน...

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สีสันของห้องนอนเด็ก

สำหรับคุณที่มีเด็กๆ ในบ้าน ก็คงต้องจัดห้องนอนให้กับหนูๆ ให้มีสีสัน น่ารัก น่านอน ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ



ผมจึงขอกล่าวถึงสีสันการจัดห้องนอนสำหรับเด็กๆ ดังนี้ครับ

สีสันเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการแต่งห้องเด็ก สีสันจะเป็นตัวเสริมสร้างและกระตุ้นจินตนาการและพัฒนาการที่ดีของเด็ก สีธรรมดาเรียบๆ อาจจะน่าเบื่อไปสำหรับเด็ก. สีสดเกินไปก็อาจจะทำให้อยู่ไม่สบาย สีที่ใช้ควรจะเป็นสีที่เจ้าของห้องชอบมาประกอบในการตกแต่งด้วย เพื่อความภูมิใจและรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของห้อง ห้องเด็กไม่จำเป็นต้องตกแต่งตามเพศ เช่นห้องเด็กผู้หญิงต้องเป็นสีชมพูหรือเด็กผู้ชายต้องเป็นสีฟ้า ควรจะใช้สีตามความชอบของเด็กมาประกอบ ควรใช้สีสนุกแต่ไม่แรงหรือกดดันจนเกินไป ผนังและเพดานควรใช้สีอ่อนเพราะจะสะท้อนแสงได้ดีทำให้ห้องสว่างขึ้นและสบายตา เฟอร์นิเจอร์ติดที่เป็นสีพื้นหรือกลางๆ จะเหมาะสมที่สุดเพราะว่าเมื่อเด็กโตขึ้นความชอบในเรื่องสีสันอาจจะเปลี่ยนไป สีสันต่าง ๆ จึงควรจะอยู่ตามผ้า หรือเครื่องนอน หรือเฟอร์นิเจอร์บางตัวที่เคลื่อนที่ได้ เช่น เก้าอี้ , กล่องเก็บของ, ของเล่น เนื่องจากเราสามารถปรับเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ โทนสีที่เหมาะสมกับเด็กเล็กคือสีโทนอุ่นเพราะจะช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง เนื่องมาจากเด็กพึ่งจะเริ่มแยกห้องนอนจากพ่อแม่ ใช้สีส้มอ่อน เหลืองนวล ครีม สีไม้ธรรมชาติ สำหรับโทนสีโดยรวม และเพิ่มความสดใสด้วยสีสดของผ้าคลุมเตียง ผ้าบุเก้าอี้ ของเล่นต่างๆ ส่วนเด็กโตอาจจะใช้สีโทนเย็นขึ้นมาหน่อยได้เช่นสีเขียว หรือฟ้าอ่อน หรือใช้สีที่เด็กชอบมาประกอบมากขึ้น

แบบห้องนอนคุณหนู แบบมีสไตล์ สะดวกและเก๋ไก๋


แบบห้องนอนคุณหนู สไตล์สดใส สีเขียว ช่วยให้รู้สึกเย็น และสดชื่น


แบบห้องนอนคุณหนู สไตล์โทนสีฟ้า มิกกี้เมาส์ เหมาะกับเด็กผู้ชาย


แบบห้องนอนคุณหนู สีชมพูหวานๆ เหมาะกับน้องผู้หญิงที่สุด


แบบห้องนอนคุณหนู ที่ซุกซน และมีข้าวของ(เล่น)มาก มีที่เก็บให้เรียบร้อย เท่านี้ก็ถูกใจคุณหนู และคุณเองด้วยครับ

วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

องค์ประกอบของห้องนอน (2)



องค์ประกอบของห้องนอน(ที่น่านอนจริงๆ)ของเราที่จำเป็น และสำคัญมาก หลังจากจัดวางเรื่องขนาดของห้องแล้ว ก็คือ

ที่นอน เตียงนอน และเบาะนอน



เป็นอุปกรณ์สำหรับการนอน โดยที่นอนเป็นส่วนที่รองรับร่างกาย หมอนรองรับศีรษะ ส่วนผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนใช้สำหรับส่วนป้องกันความสกปรก ขนาดที่นอนมีตั้งแต่ 3ฟุต 4 ฟุต 5ฟุต และ 6 ฟุต โดยที่มีความหนามาตรฐาน เท่ากันคือ 6 นิ้วและ 8 นิ้ว ซึ่งก็จะมีการบุวัสดุที่แตกต่างกันคือ ฟองน้ำ ให้ความยืดหยุ่น ความนุ่ม แต่เสื่อมสภาพเร็ว ฟองน้ำอัด เป็นฟองน้ำผสมสารเคมีทำให้มีอายุการใช้งานเพิ่มขึ้น ใยมะพร้าว ให้ความแน่น ไม่บิดงอ แต่มีน้ำหนักมาก มักมีปัญหาเรื่อง ความชื้น เชื้อรา และการผุสลาย ยางพารา หรือฟองยาง มีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำ แต่มีกลิ่นยางรุนแรง แต่จะเสื่อมเร็วหากโดนความร้อน และยังดูดความร้อนอีกด้วย ใยมะพร้าวฉีดยางพารา มีความแข็งแรงน้ำหนักเบา กว่าใยมะพร้าว สปริง ให้ความยืดหยุ่นสูง รับน้ำหนักได้ดี (100 กก./1ตร.ฟุต) มีน้ำหนักมาก นุ่น ใยธรรมชาติจากต้นนุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในสมัยก่อนให้ความยืดหยุ่นดีแต่มักเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น โดยวัสดุเหล่านี้ ผู้ผลิตมักนำมาใช้ประกอบร่วมกันเป็นเตียงโดยทำเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นการรวมข้อดีของแต่ละวัสดุไว้ด้วยกัน ในส่วนของผ้าปูที่นอนก็มีขนาดแตกต่างตามขนาดของเตียง โดยมีแบบเรียบ (FLAT) และ แบบรัดมุม (FITTED) ซึ่งง่ายต่อการปูกว่า มีขายแบบเป็นชุด นอกจากนี้ยังมีผ้านวมเข้าชุดที่ใช้คลุมเตียงและห่มได้ ในปัจจุบันก็ได้มีนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาเช่น การเคลือบสารกันเปื้อน เช่น เทฟลอน (TEFLON) นอกจากนั้นยังมีการใช้สารต่อต้านการฝังตัวของเชื้อโรค (MICROBAN) ควบคู่กับสารต่อต้านไรฝุ่น (ANTI-DUSTMITE) อีกด้วย โดยในปัจจุบันก็มีรูปแบบให้เลือกมากขึ้น และทำจากหลายวัสดุ เช่นไหมผสม ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์

ผ้านวม ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง



ผ้าห่ม (Blanket) มี 3ประเภทหลัก คือ ฝ้าย 100 เปอร์เซ็นต์ ผ้าแพร และ ผ้าอะครีลิก ซึ่งทำจากใยสังเคราะห์และก่อให้ การแพ้ และเป็นอันตรายเนื่องจาก ติดไฟง่าย ส่วนของผ้าแพร เหมาะกับสภาพอากาศร้อน โดยที่ความนุ่มเนียนของผ้าขึ้นอยู่กับคุณภาพของเนื่อแพรที่มีคุณภาพแตกต่างกันไป ผ้านวม (Comforter) ใช้ได้ทั้งคลุมเตียง และให้ความอบอุ่น โดยวัสดุที่ใช้บุ อาจเป็นนุ่น ฝ้าย หรือใยสังเคราะห์ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้แพ้เกสรดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีผ้านวมแบบโบราณ (QUILT) เป็นงานฝีมือชาวอเมริกัน และยังมีจากทางภาคเหนือของไทยซึ่งมีลวดลายพื้นเมือง เหมาะสำหรับห้องปรับอากาศ จะทำให้อุ่นสบาย ปัจจุบันมีปลอกผ้านวมแบบถอดซักได้เรียกว่าดูเวต์ (DUVET) ทำให้ถอดเปลี่ยนลายได้ และยังง่ายต่อการทำความสะอาดด้วย ผ้าคลุมเตียง เป็นส่วนสำคัญเนื่องจากอยู่ที่ส่วนบนสุดของเตียงและมีผลต่อบรรยากาศโดยรวมของห้อง โดยมีวัสดุที่หลากหลายให้เลือกใช้ด้วยครับ..

เอาล่ะ.. ชักง่วงแล้วครับ ต้องขอตัวไปเอนตัวลงบนเตียงนอนนุ่มๆ ในห้องนอน(ที่น่านอนจริงๆ)ของผมเอง ชาร์ตพลังงาน แล้วจะกลับมาเขียนต่อในบทความหน้านะครับ ..Good night ครับ.. ทุกท่าน

องค์ประกอบของห้องนอน



ในบทความนี้จะเริ่มกล่าวถึงองค์ประกอบของห้องนอน(ที่น่านอนจริงๆ)ของเรากันนะครับ โดยขอเริ่มจาก

ขนาดรูปร่างที่เหมาะสมของห้องนอน

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้งานและอุปนิสัยของผู้ใช้ด้วย เช่น ถ้าเป็นเด็กก็ควรจัดพื้นที่ว่างสำหรับทำกิจกรรม และควรมีบริเวณสำหรับแต่งตัวด้วย ในทางสถาปัตยกรรมได้แบ่งห้องนอนเป็นสองขนาดดังนี้ ห้องนอนประธาน (MASTER BEDROOM) โดยมากจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในบ้าน และมักจะเป็นห้องของเจ้าของบ้าน มีขนาดประมาณ 20 ตารางเมตร เป็นอย่างน้อย และมักมีห้องน้ำส่วนตัวเพื่อความสะดวกเป็นสัดส่วน ห้องนอนรอง (BEDROOM) เป็นห้องที่มีขนาดรองลงมาและมีพื้นที่ใช้สอยที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น โดยห้องแบบนี้มักจะเป็นห้องสำหรับ ลูก ญาติ หรือ แขก โดยมีขนาด 12 – 15 ตารางเมตร ทั้งนี้ ห้องนอนก็มิได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวในเรื่องของขนาด แต่ควรมีขนาดที่สามารถบรรจุเครื่องเรือนที่สำคัญได้ครบ ในส่วนของรูปร่าง การตกแต่งก็ขึ้นอยู่กับการตกแต่งของบ้าน และลักษณะสถาปัตยกรรมด้วยครับ..